มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
24 มีนาคม 2559
บทสรุปผู้บริหาร
เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันก็มีผลต่อความต้องการใช้พลังงานของประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการใช้ทางตรงและทางอ้อม งานวิจัยดังกล่าวนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะวัดผลกระทบของการเติบโตของเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่จะมีต่อความต้องการพลังงานของประเทศ
ทั้งในส่วนของไฟฟ้า(
รวมทั้งแก๊ส) และน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับการคาดประมาณความต้องการพลังงานไฟฟ้าและพลังงานปิโตรเลียมของประเทศต่อไป
งานศึกษาชุดนี้ได้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวเพียงเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เข้ามาแบบพักค้างคืนหรือ overnight
visitorsเท่านั้น โดยในปี พ.ศ. 2558 ได้มีนักท่องเที่ยวประเภทนี้เดินทางเข้ามาเท่ากับ 29,881,091
คน และได้ใช้จ่ายเป็นมูลค่า 1,447,158.05
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.44 และ 23.39
เมื่อเทียบกับปี 2557
ตามลำดับ จำแนกรายละเอียดการใช้จ่ายตาม Tourism satellite Accounts(ระบบบัญชีประชาชาติการท่องเที่ยว) ได้เป็นค่าโรงแรมและที่พักร้อยละ 26.15 ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 22.48 ค่ารถโดยสารและรถยนต์อื่นๆร้อยละ 5.27
เป็นต้น เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้ เห็นว่าส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับการใช้พลังงานในทางอ้อม
อาทิ ค่าโรงแรมและที่พัก (Accommodation services for visitor) จะมีการใช้ไฟฟ้าเพื่อแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม(Food and beverage serving services)มีการใช้พลังงานประเภทแก๊สหุงต้มและไฟฟ้า แต่ก็มีบางรายการที่มีความเชื่อมโยงกับการใช้พลังงานประเภทเชื้อเพลิงอย่างเด่นชัด
เช่น ค่าโดยสารทางรถไฟ(Railway passenger transport services)
ค่าโดยสารรถยนต์(Road passenger transport services)
เรือ(Water transport services)
และเครื่องบิน(Air passenger transport services)
เป็นต้น
เพื่อคำนวณค่าความต้องการใช้พลังงานของนักท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกขั้นตอนของการผลิตบริการที่ให้กับนักท่องเที่ยว ในที่นี้จึงได้ใช้ข้อมูลจาก Tourism Satellite Accounts 2014
ร่วมกับ Tourism Input-Output table 2010
ของประเทศไทย และใช้ Input-Output model เป็นเครื่องมือในการคำนวณหาค่าผลกระทบดังกล่าว
ผลจากการศึกษาพบว่า ในกรณีที่สมมุติว่ามีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในทุกๆจำนวน 1
ล้านคน จะมีผลทำให้ความต้องการพลังงานประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง(Petroleum Refineries)
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ในขณะที่ความต้องการพลังงานประเภทไฟฟ้าและแก๊ส(Electricity and Gas)
เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.10 จึงสรุปได้ว่าปัจจัยจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีผลทำให้เกิดความต้องการบริโภคพลังงานในอัตราที่สูงขึ้น แต่อาจจะยังไม่ถือว่าสูงมากนัก และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลจริงของจำนวนนักท่องเที่ยวล่าสุดในเดือนธันวาคม 2558
ที่ผ่านมาซึ่งมีประมาณ 2.987
ล้านคน จึงคาดว่าความต้องการพลังงานประเภทเชื้อเพลิงเฉลี่ยทั้งเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 และพลังงานประเภทไฟฟ้าและแก๊สจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.3 (เมื่อเทียบกับการไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา) ซึ่งอัตราดังกล่าวอาจมีส่วนกระทบต่อ peak load ในเดือนที่มีจำนวนการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้บ้างแต่อาจไม่มีผลมากนัก
คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม